ถุงลมนิรภัย คืออะไร อยู่ส่วนไหนในรถยนต์?

5 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ถุงลมนิรภัย

เมื่อพูดถึงระบบความปลอดภัยในรถยนต์ คำว่า “ถุงลมนิรภัย” หรือ “Airbag” คงเป็นคำตอบอันดับต้น ๆ ที่หลายคนนึกถึง ซึ่งเป็น “อุปกรณ์ความปลอดภัยมาตรฐาน” ที่รถยนต์ทุกคันต้องมี แม้จะเคยได้ยินชื่อ แต่หลาย ๆ คนอาจจะยังไม่รู้ว่า ถุงลมนิรภัย คืออะไร? อยู่ส่วนไหนของรถยนต์ และเริ่มทำงานตอนไหน? ศูนย์บริการรถยนต์ Pit&Go จะพาไปหาคำตอบ

ถุงลมนิรภัย คืออะไร?

ถุงลมนิรภัย คือ อุปกรณ์ความปลอดภัยในรถยนต์ ที่ออกแบบมาเพื่อลดแรงกระแทกของคนในรถกรณีเกิดการชน โดยจะป้องกันการกระแทกบริเวณศีรษะ หน้าอก และกระดูกส่วนบนได้ดี ซึ่งระบบทั้งหมดจะถูกควบคุมโดยเซนเซอร์

ถุงลมนิรภัย อยู่ตรงไหนในรถ?

หากถามว่าถุงลมนิรภัย อยู่ตรงไหน? ต้องบอกก่อนว่า ตำแหน่งของถุงลมนิรภัยอาจแตกต่างกันไปตามรุ่นและยี่ห้อของรถ แต่โดยสามารถแบ่งได้ ดังนี้

1. ถุงลมนิรภัยด้านหน้า (Front Airbags)

ถุงลมนิรภัยด้านหน้า หรือ Front Airbags จะถูกติดตั้งไว้ที่พวงมาลัย และที่แผงคอนโซลหน้า ทำหน้าที่ช่วยป้องกันศีรษะและหน้าอกไม่ให้กระแทกเข้ากับพวงมาลัยหรือคอนโซลโดยตรง ลดการบาดเจ็บเมื่อเกิดการชนด้านหน้า ถือเป็นตำแหน่งมาตรฐานที่รถยนต์ส่วนใหญ่ต้องมี

2. ถุงลมนิรภัยด้านข้าง (Side Airbags)

ถุงลมนิรภัยรถยนต์ด้านข้าง หรือ Side Airbags จะอยู่ที่ด้านข้างของเบาะนั่ง หรือแผงประตูรถ ทำหน้าที่ป้องกันลำตัวและหน้าอกจากแรงกระแทกเมื่อเกิดการชนจากด้านข้าง 

3. ม่านนิรภัย (Curtain Airbags)

ถุงลมนิรภัย ม่านนิรภัย หรือ Curtain Airbags จะติดตั้งอยู่บริเวณเหนือขอบหน้าต่างด้านข้างทั้งฝั่งซ้ายและขวา หากเกิดอุบัติเหตุ ม่านนิรภัยจะเกิดการพองตัวลงมาเหมือนม่าน ช่วยป้องกันศีรษะจากการชนด้านข้าง หรือการพลิกคว่ำได้

4. ถุงลมนิรภัยสำหรับหัวเข่า (Knee Airbags)

ถุงลมนิรภัยสำหรับหัวเข่า หรือ Knee Airbags มีการติดตั้งอยู่บริเวณใต้พวงมาลัย หรือใต้แผงคอนโซลฝั่งผู้โดยสาร ทำหน้าที่ช่วยลดการบาดเจ็บของหัวเข่า และกระดูกขา เมื่อเกิดอุบัติเหตุ

5. ถุงลมนิรภัยตรงกลาง (Center Airbags)

ถุงลมนิรภัยตรงกลาง หรือ Center Airbags เป็นเทคโนโลยีที่มีในรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ โดยจะติดตั้งอยู่ระหว่างเบาะคู่หน้า ทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้ผู้ขับและผู้โดยสารด้านหน้ากระแทกกันเองเมื่อถูกชนจากด้านข้าง ช่วยลดความเสี่ยงของการบาดเจ็บที่อาจเกิดขึ้นจากแรงเหวี่ยงภายในห้องโดยสารได้ 

การทำงานของถุงลมนิรภัย

การทำงานของถุงลมนิรภัยรถยนต์ จะทำงานร่วมกับเซนเซอร์ตรวจจับแรงกระแทก (Crash Sensors) และระบบควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ (ECU) โดยมีขั้นตอนหลัก ๆ ดังนี้

1. ตรวจจับแรงกระแทก 

เมื่อรถเกิดการชน เซนเซอร์ตรวจจับแรงกระแทก จะวัดความรุนแรงของแรงชน หากแรงที่ตรวจพบมากกว่าค่ามาตรฐานที่ตั้งไว้ ระบบจะส่งสัญญาณไปยังกล่องควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ (ECU) เพื่อสั่งให้ถุงลมนิรภัยรถยนต์ทำงาน

2. ถุงลมนิรภัยจุดระเบิดและปล่อยก๊าซ

หลังจาก ECU สั่งการ กลไกภายในถุงลมนิรภัยจะเกิดการจุดระเบิดเล็ก ๆ เพื่อสร้างก๊าซไนโตรเจน หรือก๊าซเฉื่อยชนิดอื่น ๆ และจะปล่อยเข้าไปในถุงลมอย่างรวดเร็ว โดยใช้เวลาเพียง 0.02–0.05 วินาทีเท่านั้น

3. ถุงลมนิรภัยพองตัวขึ้น

ถุงลมนิรภัยในตำแหน่งที่ถูกติดตั้งจะกางออกเต็มที่ เพื่อรองรับแรงกระแทกจากร่างกายของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ช่วยลดการบาดเจ็บที่อาจเกิดขึ้นกับศีรษะ หน้าอก และช่วงล่างของร่างกาย เมื่อเกิดอุบัติเหตุ

4. ถุงลมนิรภัยยุบตัวลง

จากนั้น ถุงลมนิรภัยรถยนต์จะค่อย ๆ ปล่อยก๊าซออกจากช่องระบายอากาศ ทำให้ถุงลมยุบตัวลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งการทำงานในลักษณะนี้ ถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายอัดแน่นไปกับถุงลม และช่วยให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารสามารถขยับตัว หรือออกจากรถได้ หลังเกิดเหตุ

ข้อควรรู้เกี่ยวกับถุงลมนิรภัย

1. อย่าลืมคาดเข็มขัดนิรภัย

ถุงลมนิรภัยถูกออกแบบมาให้ทำงานร่วมกับเข็มขัดนิรภัย หากผู้โดยสารไม่คาดเข็มขัด เมื่อถุงลมพองตัว ก็อาจจะยิ่งเพิ่มแรงกระแทกกลับมา ส่งผลให้บาดเจ็บรุนแรงกว่าเดิมได้ จึงควรคาดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้งขณะอยู่ภายในรถยนต์

2. ตำแหน่งการนั่งมีผลต่อความปลอดภัย 

ผู้โดยสารควรนั่งตัวตรงให้แผ่นหลังแนบกับพนักพิง ไม่ควรก้มตัวไปด้านหน้า และไม่ควรเอาเท้าพาดบนแผงคอนโซล เพราะหากเกิดอุบัติเหตุขึ้น อาจทำให้ถุงลมพองตัวกระแทกใส่ร่างกายได้ นอกจากนี้ ยังไม่ควรให้เด็กเล็กนั่งเบาะหน้า แต่ควรใช้เบาะนิรภัยสำหรับเด็ก ที่ติดตั้งอย่างถูกต้องด้านหลังแทน

3. ควรเปลี่ยนถุงลมเมื่อครบอายุใช้งาน

โดยทั่วไป ถุงลมนิรภัยรถยนต์ จะมีอายุประมาณ 10–15 ปี ขึ้นอยู่กับการออกแบบและมาตรฐานของผู้ผลิต รถที่ใช้งานมานานจึงควรนำเข้าศูนย์บริการรถยนต์ เพื่อตรวจสอบว่าถุงลมนิรภัยยังใช้งานได้อยู่หรือไม่ ถ้าครบอายุการใช้งานแล้ว ควรเปลี่ยนใหม่ เพื่อให้ระบบทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

4. ถุงลมนิรภัยใช้ได้ครั้งเดียว

หากถุงลมนิรภัยเคยพองตัวแล้ว จะไม่สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้อีก เนื่องจากวัสดุและกลไกภายในได้รับการออกแบบให้ทำงานเพียงครั้งเดียว จึงต้องเปลี่ยนชุดใหม่ทั้งหมด แม้จะมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง แต่ก็เป็นการลงทุนเพื่อความปลอดภัยที่คุ้มค่า

5. เช็กระบบไฟเตือน

บนหน้าปัดรถยนต์จะมีสัญลักษณ์ไฟเตือนถุงลมนิรภัย หากไฟดวงนี้ติดสว่างตลอดเวลา แสดงว่าระบบอาจมีปัญหา เช่น เซนเซอร์ขัดข้อง หรือสายไฟหลวม ซึ่งอาจทำให้ถุงลมไม่ทำงานเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ควรนำเข้าอู่หรือศูนย์บริการเพื่อเช็กสภาพโดยเร็วที่สุด

ถุงลมนิรภัย คือ อุปกรณ์ความปลอดภัยในรถยนต์ที่จะช่วยลดความรุนแรงของการบาดเจ็บเมื่อเกิดอุบัติเหตุ โดยติดตั้งไว้หลายตำแหน่ง เช่น พวงมาลัย แผงคอนโซล บริเวณด้านข้าง เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ควรขับรถอย่างระมัดระวัง ปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด และหมั่นเช็คระยะรถยนต์ที่ศูนย์บริการอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเตรียมรถยนต์ให้พร้อมสำหรับการใช้งาน ลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน

หากพบว่ารถยนต์มีปัญหาเข้ารับบริการได้ที่ Pit&Go ศูนย์บริการรถยนต์ ซ่อมแอร์และระบบทำความเย็นรถยนต์ มาตราฐาน Denso รวมถึงจำหน่ายผลิตภัณฑ์รถยนต์ต่าง ๆ เช่น จานเบรค Brembo

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้