1462 จำนวนผู้เข้าชม |
ระบบเบรคเป็นอีกหนึ่งระบบที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยที่สำคัญที่สุดในรถยนต์ ซึ่งเป็นระบบที่ถูกใช้งานบ่อยจึงมีโอกาสที่จะสึกหรอได้ง่ายโดยเฉพาะผ้าเบรคที่ถูกเสียดสีอยู่ในคาลิปเปอร์เบรค ดังนั้นเจ้าของรถจำเป็นต้องเข้าใจเกี่ยวกับการทำงานของระบบเบรครวมถึงผ้าเบรคเพื่อที่จะได้สังเกตอาการและดำเนินการซ่อมแซม รักษาให้อยู่ในสภาพการใช้งานได้ดี เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่
ผ้าเบรคคือผ้าที่จะถูกเสียดสีอยู่ในคาลิเปอร์เบรค และมีบทบาทสำคัญต่อกำลังในการหยุดรถ จึงจำเป็นต้องผลิตจากวัสดุที่สามารถรองรับแรงเสียดทานได้สูง เช่น เซรามิก สารอินทรีย์ หรือกึ่งโลหะ โดยแรงเสียดทานจะเกิดขึ้นเมื่อผู้ขับเริ่มเหยียบแป้นเบรค ความดันไฮดรอลิกจะถูกสร้างขึ้นในระบบเบรคทำให้ลูกสูบเบรคกดผ้าเบรคกับโรเตอร์เบรค แรงเสียดทานระหว่างผ้าเบรคกับโรเตอร์จะทำให้ล้อหมุนช้าลงหรือหยุดหมุน ทำให้รถหยุดนิ่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ผ้าเบรคจะถูกรับแรงกดและความร้อนในระดับที่ค่อนข้างสูงจึงมีโอกาสสึกหรอเมื่อเวลาผ่านไปเนื่องจากการใช้งานซ้ำๆ ทำให้ผู้ใช้รถยนต์จำเป็นต้องเปลี่ยนผ้าเบรคเป็นประจำเพื่อให้แน่ใจว่าระบบเบรคยังคงทำงานได้ดีและให้พลังในการหยุดสูงสุด ถ้าหากผ้าเบรคสึกและบางเกินไป อาจเกิดการสัมผัสระหว่างโลหะกับโลหะเวลาที่ผู้ขับเหยียบแป้นเบรค ทำให้จานเบรคและส่วนประกอบอื่นๆ ของระบบเบรคเสียหายได้
ตอนนี้เราก็ได้รู้กันแล้วว่าผ้าเบรคเป็นส่วนที่เกิดการเสียดทานสูง ส่งผลให้เกิดความร้อนสูง จึงมีโอกาสหมดสภาพการใช้งานได้เมื่อใช้งานไปสักระยะ ซึ่งผลเสียจากการที่เจ้าของรถไม่เปลี่ยนผ้าเบรคนั้นมีเยอะมาก และจะไม่คุ้มต่อความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นในตัวระบบทั้งหมด
ผ้าเบรคที่สึกหรอจะส่งผลให้ประสิทธิภาพในการหยุดรถลดลง ซึ่งอาจเป็นอันตรายได้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน หากผ้าเบรคบางเกินไป จะไม่สามารถสร้างแรงเสียดทานระหว่างผ้าเบรคและโรเตอร์มากพอที่จะทำให้รถช้าลงหรือหยุดได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากมีการขับขี่มาด้วยความเร็วสูง และจำเป็นต้องเบรคอย่างรวดเร็ว อาจส่งผลให้เกิดอันตรายต่อผู้ขับขี่และเพื่อนร่วมทาง ซึ่งเป็นความเสียหายที่ประเมินค่าไม่ได้จริงๆ
การเปลี่ยนผ้าเบรคเป็นประจำจะช่วยให้ผู้ขับขี่มั่นใจว่าระบบเบรคยังคงทำงานได้ดี ให้พลังในการหยุดสูงสุดและลดความเสี่ยงต่อความเสียหายต่อส่วนประกอบอื่นๆ
ความถี่ในการเปลี่ยนผ้าเบรคขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย รวมถึงลักษณะการขับขี่ สภาพถนน และประเภทของผ้าเบรคที่ใช้ โดยทั่วไป ผ้าเบรคควรเปลี่ยนทุกๆ 50,000-60,000 กิโลเมตร สิ่งสำคัญคือต้องตรวจสอบผ้าเบรคเป็นประจำ อาจจะสังเกตจากอาการเหล่านี้
ซึ่งหากรถที่ใช้งานน้อย ก็จะต้องไปลองตรวจสอบสภาพของผ้าเบรกอยู่บ่อยๆ ว่ามีการเสื่อมสภาพหรือไม่ เนื่องจากจะมาดูตามจำนวนระยะทางที่ใช้งานไม่ได้ ซึ่งหากต้องการยืดระยะเวลาในการใช้งานของผ้าเบรคอาจต้องลองปรับพฤติกรรมในการใช้งานด้วยเช่นกัน เช่น ชอบเหยียบเบรคแรงๆ หรือไม่ หรือเหยียบเบรคฉุกเฉินเวลาที่กำลังขับรถด้วยความเร็วสูงหรือเปล่า เพราะนอกจากจะทำให้เบรกเสื่อมเร็วแล้วยังเป็นอันตรายต่อผู้ขับขี่และผู้ใช้ถนนด้วย
สุดท้ายนี้ หากใครกำลังมองหาศูนย์บริการรถยนต์ไม่ว่าจะด้านระบบเบรค ระบบแอร์ การเติมน้ำยาแอร์รถยนต์ ไปจนถึง การถ่ายน้ำมันเกียร์ และการซ่อมแซมด้วยอะไหล่แท้จาก Denso ก็สามารถติดต่อ PIT&GO ได้เลยครับ