ไส้กรองแอร์รถยนต์คืออะไร ควรเปลี่ยนเมื่อไหร่ดีที่สุด

หลายคนเข้าใจว่าไส้กรองแอร์กับไส้กรองอากาศนั้นเป็นตัวเดียวกัน แต่จริง ๆ แล้วทั้งสองตัวนี้เป็นไส้กรองเหมือนกันแต่ทำงานคนละส่วน ในบทความนี้เราจะมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับ ไส้กรองแอร์ และ ไส้กรองอากาศ รวมถึงการสักเกตว่าเมื่อไหร่ควรเปลี่ยนไส้กรองเพื่อประสิทธิภาพในการใช้งานรถยนต์ที่คุณรัก

ไส้กรองแอร์และไส้กรองอากาศคืออะไร

ไส้กรองแอร์ หรือเรียกว่า Cabin Air Filter คือแผ่นกรองแอร์ที่จะเข้าไปในห้องโดยสาร มีหน้าที่ในการจับเศษฝุ่นหรือเศษใบไม้เล็ก ๆ ไม่ให้เข้าไปในห้องโดยสาร ซึ่งหากไส้กล่องแอร์มีคุณภาพและสะอาดเพียงพอก็จะทำให้อากาศในห้องโดยสารสะอาดมากยิ่งขึ้น ลดโอกาสในการเกิดภูมิแพ้และการสะสมของสิ่งสกปรก

ไส้กรองอากาศ หรือ Air Filter  คือแผ่นกรองอากาศที่จะเข้าไปในระบบของเครื่องยนต์ ไส้กรองอากาศจึงมีหน้าที่ป้องกันไม่ให้เศษฝุ่นและขยะภายนอกเข้าไปในระบบการทำงานของเครื่องยนต์ เนื่องจากในกระบวนการเผาไหม้นั้นจำเป็นที่จะต้องมีอากาศสะอาดเข้าไปหล่อเลี้ยง หากอากาศที่เข้าไปไม่สะอาดเครื่องยนต์ก็มีโอกาสเสื่อมสภาพได้เร็ว

ดังนั้นไส้กรองแอร์จะเกี่ยวข้องกับอากาศภายในห้องโดยสารในขณะที่ไส้กรองอากาศจะเกี่ยวข้องกับอากาศในการสันดาปของเครื่องยนต์ 

ควรเปลี่ยนไส้กรองแอร์เมื่อไหร่ สัญญาณเตือนหากไส้กรองแอร์เริ่มหมดสภาพ

จริง ๆ แล้วเราควรหาศูนย์ที่ดูแลเรื่องระบบทำความเย็นอย่าง PIT&GO เข้าไปตรวจเช็คทุก ๆ 10,000 กิโลเมตร เพื่อให้มั่นใจว่าไส้กล่องแอร์ยังอยู่ในสภาพที่ยังใช้งานได้ดี เพราะหากไส้กรอกเริ่มหมดสภาพโดยอาจมีอาการเปื่อยหรือผิดรูป จะทำให้สิ่งสกปรกสามารถเข้าไปในระบบแอร์ และอาจจะไปติดอยู่กับคอยล์เย็น ซึ่งอาการที่สามารถสังเกตได้ชัดก็คือ แอร์เริ่มมีกลิ่นอับ ลมไม่ค่อยออก ไม่เย็นเหมือนเดิม 

หากใครเป็นภูมิแพ้อาจมีอาการที่สามารถสังเกตได้ชัดเจนเวลาขึ้นรถที่ใส้กรองแอร์เสื่อมสภาพ เช่นคันผิวหนัง มีน้ำมูก ไอ หรือจาม

ควรเปลี่ยนไส้กรองอากาศเมื่อไหร่ 

สำหรับการรักษาประสิทธิภาพของไส้กรองอากาศ ทุก ๆ 10,000 ถึง 20,000 กิโลเมตร ควรตรวจสอบดูว่ามีฝุ่นเกาะอยู่เยอะหรือไม่ โดยอาจเอาออกมาเป่าเพื่อทำความสะอาด หรือเปลี่ยนไปเลยหากสภาพแวดล้อมในการใช้รถนั้นสกปรก หรือมีฝุ่นเยอะ

หากละเลยการเปลี่ยนไส้กรองอากาศรถยนต์สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาอาจรุนแรงไปถึงระบบสำคัญต่าง ๆ ในเครื่องยนต์ได้เลย เช่น ฝุ่นอาจจะเข้าไปอุดตันตามชิ้นส่วนอะไรต่าง ๆ หรือในระบบต่าง ๆ ทำให้การเผาไหม้และการเดินเครื่องยนต์มีประสิทธิภาพต่ำลง อาจเกิดอาการเครื่องสั่น เครื่องหลวม กินน้ำมันผิดปกติ ซึ่งหากไม่รีบแก้ไขก็อาจบานปลายได้